เคล็ด(ไม่)ลับ…สำหรับคุณพ่อคุณแม่มีบุตรยากที่อยากทำ IUI ให้ติด!

 

เคล็ด(ไม่)ลับ…สำหรับคุณพ่อคุณแม่มีบุตรยากที่อยากทำ IUI ให้ติด!

 

เคล็ด(ไม่)ลับ…สำหรับคุณพ่อคุณแม่มีบุตรยากที่อยากทำ IUI ให้ติด!

คุณพ่อคุณแม่หลายคู่ในปัจจุบันอาจกำลังเผชิญปัญหามีบุตรยาก ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยและสาเหตุ เช่นปัญหาสุขภาพส่วนตัว หรือกว่าจะพร้อมมีลูกก็ไม่ได้พร้อมตั้งแต่อายุยังไม่เยอะเหมือนคนรุ่นคุณพ่อคุณแม่ของเรา การใช้วิทยาการทางการแพทย์เข้าช่วยจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าทำความรู้จักเอาไว้

 

วิธีการทางการแพทย์จากโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางหลายแห่งในปัจจุบันได้เข้ามาเพิ่มโอกาสให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีบุตรยากประสบความสำเร็จกับการมีลูกน้อย ด้วยการปฏิสนธิจากในห้องทดลองทดแทนวิธีทางธรรมชาติที่ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญในวิธีแก้มีบุตรยากมีอะไรบ้าง หลายคนอาจจะคุ้นชื่อวิธีการเช่น การทำเด็กหลอดแก้ว ที่เรียกว่า IVF หรือการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงที่เรียกว่า IUI และสุดท้ายกับวิธีการชื่อ ICSI หรืออิ๊กซี่ 

 

สำหรับวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากยอดนิยม ได้แก่การทำเด็กหลอดแก้วหรือ In vitro fertilization (IVF) เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยอาศัยการปฏิสนธินอกร่างกาย ซึ่งจะมีการฉีดยากระตุ้นไข่และเก็บไข่ จากนั้นจะนำไข่และอสุจิมาใส่รวมกัน แล้วให้อสุจิทำหน้าที่ของตัวเองในการเจาะไข่เข้าไปจนเกิดการปฏิสนธิขึ้นตามธรรมชาติ  ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วนั้นเหมาะสำหรับคู่แต่งงานที่มีบุตรยาก ฝ่ายหญิงมีปัญหาที่ท่อนำไข่และฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับอสุจิ

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีการรักษาภาวะมีบุตรยากอีกวิธีที่นิยมด้วย นั่นคือการทำ IUI  โดย IUI ย่อมาจาก Intra uterine insemination เป็นการฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรงผ่านปากมดลูกเข้าไป ซึ่งน้ำเชื้ออสุจิที่ฉีดเข้าไปนั้น จะผ่านการคัดกรองตัวที่มีคุณภาพมาก่อนหน้า ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีรักษาผู้มีบุตรยากที่ง่ายกว่า IVF มีราคาที่ไม่สูงมาก จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้นรักษาภาวะมีบุตรยาก ส่วนข้อจำกัดในการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IUI ก็มีเพียงเรื่องท่อนำไข่ของฝ่ายหญิง นั่นคือ ท่อนำไข่ของฝ่ายหญิงจะต้องมีความปกติ ไม่มีการตันของท่อนำไข่ ส่วนฝ่ายชายควรจะมีอสุจิในปริมาณและคุณภาพที่ปกติด้วย

 

คุณพ่อคุณแม่ที่มีภาวะมีบุตรยากแต่อยากตั้งครรภ์ หากเข้าเกณฑ์เหล่านี้ก็ถือว่าเหมาะสมที่จะทำรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IUI นั่นคือ ฝ่ายหญิงอายุไม่ควรเกิน 30 ปี ท่อนำไข่ปกติ (ไม่ตัน) อย่างน้อย 1 ข้าง เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว ขั้นต่ำ 7 มม. ส่วนฝ่ายชายให้ดูว่า คุณภาพน้ำเชื้ออสุจิดี ทั้งปริมาณ ความเข้มข้น และว่ายไปข้างหน้าปริมาณมาก ๆ (จำนวนตัวอสุจิที่เคลื่อนไหว : Total motile sperm(TMS) อย่างต่ำ 10 ล้านตัว)

 

ข้อดีของการทำ IUI เป็นการรักษาภาวะมีบุตรยากที่ใกล้เคียงกับวิธีธรรมชาติและมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับการเริ่มต้นรักษาภาวะมีบุตรยากได้ดี โดยเฉพาะคู่แต่งงานที่ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ หรือมีปัญหาการตกไข่ เพราะวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด IUI เป็นวิธีที่รักษาผู้มีบุตรยากได้ง่ายกว่า IVF มีราคาที่ไม่สูงมากจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการเริ่มต้นรักษาภาวะมีบุตรยาก

 

แต่การทำ IUI จะมีโอกาสสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัยมดลูก รังไข่ ไข่ และอสุจิที่ปกติเพียงหรือผิดปกติเพียงเล็กน้อย และจำเป็นต้องมีท่อนำไข่ที่ใช้การได้ การบำรุงเตรียมตัวล่วงหน้า บำรุงไข่ บำรุงอสุจิไปก่อนกระตุ้นไข่และเก็บเชื้อ ร่วมกับการเตรียมผนังมดลูกให้แข็งแรง รวมทั้งได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ให้สูงขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ฉีด IUI ไม่เกิน 4 รอบ ถ้ายังไม่สำเร็จควรเปลี่ยนวิธีการรักษา โดยที่ในแต่ละรอบที่ฉีดน้ำเชื้อ IUI ต้องเป็น IUI ที่มีประสิทธิภาพ ฟองไข่ (Follicle) ต้องมีขนาด 16-18 มม.ขึ้นไป และไข่ที่โตเต็มที่ต้องอยู่ข้างเดียวกับท่อนำไข่ ความหนาเยื่อบุโพรงมดลูก ควรต้องหนาขั้นต่ำ 7 มม. น้ำเชื้ออสุจิเก็บได้ดี (จำนวนตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวอย่างต่ำ 10 ล้านตัว) ที่สำคัญควรฉีดน้ำเชื้ออสุจิได้ใกล้เคียงวันไข่ตกมากที่สุด

 

ขั้นตอนการเตรียมทำ IUI เริ่มจากฝ่ายหญิงที่มีบุตรยากจะต้องกินยาหรือฉีดยาเพื่อกระตุ้นไข่ 5-10 วัน เพื่อให้ได้ไข่ที่โตเต็มที่ จากนั้นแพทย์จะนัดอัลตราซาวน์ ดูขนาดและจำนวนฟองไข่ หลังจากการกินยาหรือฉีดยากระตุ้นไข่ไป เมื่อได้ฟองไข่ตามต้องการแล้วจึงฉีดยาให้ไข่ตก พร้อมนัดหมายวันฉีดน้ำเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก ส่วนฝ่ายชายจะทำการเก็บอสุจิในวันที่นัดฉีดอสุจิเพื่อปั่นคัดเลือกตัวอสุจิที่แข็งแรงก่อนฉีดเข้าสู่โพรงมดลูก หลังจากนั้นแพทย์ก็จะนัดตรวจการตั้งครรภ์หลังฉีดอสุจิประมาณ 2 สัปดาห์

 

ส่วนขั้นตอนและระยะเวลาในการฉีดเชื้อ IUI แพทย์ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกจะให้ยากระตุ้นรังไข่โดยการรับประทานหรือการฉีด บางกรณีอาจใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน เริ่มยาในช่วงวันที่ 3-5 ของรอบประจำเดือน ใช้ยาติดต่อไป 5 วัน เพื่อให้ฟองไข่เจริญเติบโตและมีจำนวนพอเหมาะ ประมาณ 1-3 ฟองต่อรอบ ในระหว่างการกระตุ้นไข่ จะมีการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงทางช่องคลอดหรือตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อประเมินการเจริญเติบโตและตอบสนองของฟองไข่ เมื่อมีฟองไข่ขนาดโตเหมาะสมคือ 18-20 มิลลิเมตร จะมีการชักนำให้มีการตกไข่ด้วยยาฮอร์โมน หลังฉีดยาไข่จะตก 35-40 ชั่วโมงต่อมาจากนั้นแพทย์จะทำการฉีดอสุจิที่ผ่านการเตรียมด้วยวิธีมาตรฐานในห้องปฏิบัติการเข้าสู่โพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก หลังจากฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูกแล้วอาจจะมีการให้ยาเสริมการทำงานของเยื่อบุโพรงมดลูก หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์จะนัดมาทดสอบการตั้งครรภ์

 

ส่วนข้อจำกัดในการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำ IUI จะมีเรื่องท่อนำไข่ของฝ่ายหญิงจะต้องมีความปกติ ไม่มีการตันของท่อนำไข่ ส่วนฝ่ายชายควรจะมีน้ำเชื้ออสุจิที่ปกติด้วย นอกจากนี้ สาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้การทำ IUI ไม่สำเร็จนั้น อาจมีสาเหตุเช่น ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ข้างเดียว เพราะบางรอบเดือนไข่อาจตกในข้างที่ท่อนำไข่ตัน ทำให้ไข่ไม่สามารถตกเข้าท่อนำไข่และปฏิสนธิได้ ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า 40 ปี ฝ่ายหญิงมีปัญหาปากมดลูกผิดปกติรุนแรง เช่น ปากมดลูกตีบหรือเคยผ่าตัดปากมดลูกมาก่อน จะทำให้ฉีดเชื้ออสุจิไม่เข้า ฉีดได้ยาก เจ็บมากขณะฉีด ก็ทำให้โอกาสสำเร็จน้อยลงกับคำถามที่ว่า ทำไมโอกาสการฉีดเชื้อตั้งครรภ์ทำให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จมากกว่าการมีเพศสัมพันธ์เองตามธรรมชาติ คำตอบก็คือ การทำ IUI โอกาสสำเร็จในการฉีดแต่ละครั้งคือ 10-15 % ซึ่งมากกว่าวิธีมีเองตามธรรมชาติ (3-4 % ต่อเดือน) ความสำเร็จของการฉีดเชื้อ จะมากกว่าธรรมชาติประมาณ 3-5 เท่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้าน เชื้ออสุจิ ฟองไข่ รวมถึงเยื่อบุโพรงมดลูกดด้วย

 

การฉีดน้ำเชื้ออสุจิช่วยเพิ่มจำนวนตัวเชื้อที่จะว่ายขึ้นไปถึงท่อนำไข่ ได้มากขึ้น เพราะธรรมชาติ เชื้อส่วนใหญ่จะตายที่ช่องคลอด วิธีทางการแพทย์จะมีการปั่นแยกเพื่อช่วยคัดเลือก ลักษณะอสุจิที่คุณภาพดี ทำให้โอกาสปฏิสนธิได้ดี ลดระยะทางการว่าย ของอสุจิให้ขึ้นไปที่ท่อนำไข่ได้เร็วขึ้น เนื่องจากฉีดเชื้อ เข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง นอกจากนี้ ฉีดเชื้ออสุจิตรงกับวันที่ไข่ตก ทำให้เพิ่มโอกาส การปฏิสนธิมากขึ้นจำนวนฟองไข่

 

ในรอบฉีดเชื้อจะมีการให้กินยาหรือยาฉีดกระตุ้น เพื่อเพิ่มจำนวนฟองไข่ ส่วนใหญ่ได้จำนวนฟองไข่ มากกว่ารอบธรรมชาติซึ่งมีเพียงใบเดียว ดังนั้นเมื่อมีจำนวนไข่มากขึ้น โอกาสที่จะท้องจึงมากขึ้นด้วย และมีโอกาสท้องแฝดมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้นกำหนดการตกไข่ได้แม่นยำ เนื่องจากให้ยาช่วยทำให้ตกไข่ พร้อมกับฉีดเชื้ออสุจิ ในช่วงที่เหมาะสมจึงทำให้โอกาสไข่ถูกผสมมากขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูก สุดท้ายรอบที่ฉีดเชื้อ จะมีการอัลตราซาวด์ ติดตามความหนาของเยื้อบุด้วย หากพบความหนาไม่เหมาะสมก็จะช่วยแก้ไขให้ดีขึ้นจึงทำให้ตั้งครรภ์สำเร็จสูงขึ้นด้วย เหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์จากการฉีดเชื้อสูงขึ้นกว่าวิธีธรรมชาตินั่นเอง

 

คุณพ่อคุณแม่ที่เหมาะสำหรับเข้ารับการรักษาโดยการฉีดเชื้อ IUI นั้น ฝ่ายหญิงควรจะอายุน้อยกว่า 30 ปี หากอายุมากขึ้นความสำเร็จจะลดลง ประสบปัญปากมดลูกหรือคอมดลูกตีบ มีภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือ PCOS ท่อนำไข่ต้องปกติทั้งสองข้าง หรืออย่างน้อยต้องดีหนึ่งข้าง ส่วนฝ่ายชายจะเป็นในรายที่มีเชื้ออสุจิที่วิ่งดีมากเพียงพอมากกว่า  10 ล้านตัวขึ้นไป ส่วนผู้ที่ไม่แนะนำให้เข้ารับการรักษาโดยการฉีดเชื้อ IUI จะเป็นกลุ่มฝ่ายหญิงที่มีท่อนำไข่หรือปีกมดลูกอุด ตันทั้งสองข้าง หรือไม่มีท่อนำไข่เหลือแล้ว มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน จากภาวะเยื้อมดลูกเจริญผิดที่ระดับรุนแรง เคยฉีดน้ำเชื้อมามากกว่า 4- 6 รอบแล้วยังไม่ประสบผลสำเร็จ ในฝ่ายชายนั้น ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิน้อยมากกว่า 1 ล้านหรือไม่สามารถหลั่งน้ำเชื้อได้ ต้องใช้วิธีทางการแพทย์วิธีอื่น

 

เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่มีบุตรยากที่อยากทำ IUI ให้ติดข้อสำคัญอยู่ที่การเตรียมตัวก่อนทำ IUI ฝ่ายหญิงและชาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมด้วยวิตามินที่เหมาะสม ควรพักผ่อนเพียงพอ โดยนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพื่อให้ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมน การรักษาได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกอย่างเคร่งครัดด้วย หากทำได้ตามนี้ โอกาสประสบความสำเร็จจากการทำ IUI ก็จะมีมากขึ้น มีรายงานทางการแพทย์ว่า การทำ IUI คือการคัดเลือกเชื้อฉีดเข้าสู่โพรงมดลูกมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 15-20 % ต่อรอบการรักษา ซึ่งก็ขึ้นกับอายุของคู่สมรส คุณภาพของน้ำเชื้อ จำนวนฟองไข่ที่ตกในแต่ละรอบด้วย และสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก การตั้งครรภ์หลังจากฉีดเชื้ออสุจิส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งครรภ์เดี่ยว มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดประมาณ 10-15% โดยรวมวิธีนี้จะมีอัตราความสำเร็จมากกว่าการลองด้วยวิธีธรรมชาติประมาณ 3-5 เท่า

 

หลังทำ IUI คุณแม่ควรนอนพักนิ่ง ๆ บนเตียงประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะเคลื่อนไหว เพื่อให้อสุจิเดินทางไปถึงไข่ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ หลังจากที่ฉีดเชื้อแล้ว แพทย์มักแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ซ้ำในอีก 1-2 วัน เพื่อให้มีเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกมากขึ้นด้วย และควรงดทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง 2-3 วันหลังทำ IUI ควรเลือกการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเบา ๆ และยังไม่ควรว่ายน้ำ หลังจากนั้นสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่ควรออกกำลังหนักหรือหักโหมจนเกินไป

 

ไม่เพียงเท่านั้น หลังการทำ IUI ให้คุณแม่หลีกเลี่ยงที่จะใช้ยาที่จะมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น ยารักษาสิว เป็นต้น ในกรณีที่ต้องใช้ยาหรือไม่แน่ใจเรื่องยา ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ผู้เข้ารับการรักษาบางราย แพทย์ทั้งโรงพยาบาลและคลินิกอาจจะจ่ายยาบำรุงหรือยาฮอร์โมนสำหรับทานและเหน็บช่องคลอด ซึ่งยาเหล่านี้นั้นมีส่วนช่วยในการฝังตัวอ่อน

 

คุณแม่ที่ทำ IUI สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร หรือต้องระวังการทานอาหารชนิดไหนเป็นพิเศษ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และทานให้หลากหลายเพื่อป้องกันร่างกายขาดสารอาหาร และการรับประทานอาการที่ปรุงสุก สะอาด เพื่อไม่ให้ท้องเสียซึ่งนำไปสู่การบีบตัวของมดลูกมากเกินไป หากต้องการบำรุงให้เลือกรับประทานอาหารที่บำรุงสุขภาพ อาหารบำรุงไข่ ได้แก่ ไข่ น้ำเต้าหู้ งาดำ น้ำมะกรูด ผักใบเขียว ถั่ว ข้าวกล้องและขนมปังไม่ขัดสี กล้วยหอม วิตามินบีและกรดโฟลิก มะเขือเทศ ปลาทะเล ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ หอยนางรม เป็นต้น อาหารบำรุงอสุจิ ได้แก่ ไข่ ถั่ว กระเทียม หอยนางรม เนื้อวัว กล้วย ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ช็อกโกแลต มะเขือเทศ เป็นต้น

 

อ้างอิง

https://www.smileivf.com/iui-intra-uterine-insemination/

https://www.bangkokhospital.com/content/iui-for-people-wanting-to-have-baby

 

 

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก 

กับศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากจินตบุตร